กระบาก (อังกฤษ: Mesawa) เป็นไม้ยืนต้นสูง 5–25 เมตร เปลือกขรุขระสีเทา ตามกิ่งมีช่องอากาศเป็นจุดๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก รูปไข่แกมรูปหอกปลายใบแหลม ขอบใบหยักเว้าหรือหยักกลมๆ เรียบ โคนใบกลม มีต่อมขนอยู่ตรงมุมระหว่างเส้นกลางใบและเส้นใบ ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ตั้งตรง กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นท่อเล็กๆ ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน เกสรเพศผู้มี 4 อัน ยาว 2 อัน สั้น 2 อัน ติดอยู่บนกลีบใกล้ปลายที่แยกออก ผลเป็นฝัก เมล็ดมีปีก ในประเทศไทยพบในป่าเบญจพรรณทางภาคตะวันตกเฉียงใต้
กระบาก | |
---|---|
กระบาก | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
(unranked): | Angiosperms |
(unranked): | Eudicots |
(unranked): | Rosids |
อันดับ: | Malvales |
วงศ์: | Dipterocarpaceae |
สกุล: | Anisoptera |
สปีชีส์: | A. costata |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | |
Anisoptera costata Korth. |
ต้นไม้สัญลักษณ์
ต้นกระบากเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดโยธร
นิเวศวิทยา
ขึ้นอยู่ตามป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณชื้นที่มีการถ่ายเทน้ำได้ดีทั่วไป ที่สูงจากยกระดับน้ำทะเล 10 - 400 เมตร มีมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้
ลักษณะเฉพาะ
- ใบเดี่ยวเรียงสลับแผ่นใบรูป ขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ ท้องใบมีขนสีน้ำตาลปนเหลือง กว้าง 3 - 8 เซนติเมตร ยาว 6 - 16 เซนติเมตร ปลายใบทู่มนกว้างหรือหยักเป็นติ่งสั้น ๆ โคนใบมน
- ดอกเล็กสีขาวปนเหลืองอ่อนออกรวมกันเป็นช่อตามง่ามใบและ ปลายกิ่ง
- ผลกลมผิวเรียบ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร มีปีกยาว 2 ปีก รูปไข่กลับ และปีกสั้น 3 ปีก
สภาพที่เหมาะสมในการปลูก
สภาพดินทุกชนิด กลางแจ้ง ต้องการน้ำและความชื้นปานกลางชื่ออื่น
กระบาก ตะบาก (ลำปาง), กระบากขาว (ชลบุรี, ชุมพร, ระนอง), กระบากโคก (ตรัง), กระบากช่อ กระบากด้าง กระบากดำ (ชุมพร), กระบากแดง (ชุมพร, ระนอง), ชอวาตาผ่อ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), บาก (ชุมพร), ประดิก (เขมร-สุรินทร์), พนอง (จันทบุรี, ตราด), หมีดังว่า (กะเหรี่ยง-ลำปาง)อ้างอิง
กระบาก 108 พรรณไม้ไทย
ที่มา