บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนความรู้

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

ดอกไม้ไทยที่กินได้
ลองหันมาสนใจดอกไม้ไทยๆที่กินได้ดูบ้าง

นายสง่า ดามาพงศ์ ผู้จัดการสำนักบริหารแผนงานอาหารและโภชนาการ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า
 ดอกไม้มีความแตกต่างจากผักหรือใบไม้คือ
มีสีที่หลากหลายทั้งม่วง ส้ม แดง เหลือง ขาว เป็นการเพิ่มสารในกลุ่มไฟโตเคมีคอล
เช่น สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งดอกไม้ที่รับประทานกันอยู่แล้ว เช่น ดอกแคแกงส้ม
ดอกขจร ใช้ใส่ในไข่เจียว ดอกโสนผัดไข่
แต่โครงการดอกไม้กินได้ นำดอกไม้หลากหลายชนิดมารับประทาน เช่น ดอกซ่อนกลิ่น
ดอกกุหลาบ ชบา ดาวเรือง เข็ม กล้วยไม้ ทำได้หลากหลายเมนูตั้งแต่กล้วยไม้ทอดกรอบ
ต้มจืด ยำ แต่อย่านำกุหลาบ กล้วยไม้ ที่ปากคลองตลาดมาปรุงอาหาร
เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องการใช้สารกำจัดแมลง 


ดอกไม้บางชนิดสามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นอาหารได้ทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน 
แถมดอกไม้บางชนิดยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย 
รับประทานแทนผักจิ้มกับน้ำพริกต่างๆ
ตัวอย่างรายการอาหารจากดอกไม้
ป้าเสลาจะทะยอยนำมาเสนอ




ดอกขจร           

ยำดอกขจร ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว

แกงส้มดอกขจร

เครื่องปรุง

ดอกขจร 2 ถ้วยตวง
ปลาช่อน (ขนาด ½ ก.ก.) 1 ตัว
น้ำส้มมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง
น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
เครื่องน้ำพริกแกงส้ม
พริกแห้ง 5 เม็ด กะปิ 1 ช้อนชา
หอมแดงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
นำเครื่องแกงโขลกให้ละเอียด

วิธีทำ  
ปลาช่อนส่วนหางต้มสุกตักขึ้นและเอาแต่เนื้อ
นำเนื้อปลามาโขลกรวมกับน้ำพริกแกงส้มให้ละเอียด
นำมาละลายกับน้ำต้มปลา ใช้เป็นน้ำแกง
ตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลา ใส่น้ำปลา น้ำตาล พอเดือดใส่ดอกขจร
เด็ดเป็นดอกๆ พอเดือดยกลงรับประทานได้

...
.....แกงจืดดอกขจร

เครื่องปรุง 
หมูเนื้อแดงสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
กุ้งชีแฮปอกเปลือกผ่าหลัง 10 ตัว
ดอกขจร 2 ถ้วยตวง
รากผักชี 1 ราก
กระเทียบสับ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 2 ถ้วยตวง
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ตั้งน้ำซุปให้เดือด ใส่หมูสับคนให้กระจายใส่น้ำปลา ใส่กุ้ง
พอน้ำซุปเดือด ใส่ดอกขจร ปิดฝา ยกลง
เจียวกระเทียมให้เหลือง โรยหน้า โรยพริกไทย

...
.....ไข่ตุ๋นดอกขจร

เครื่องปรุง 
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ดอกขจร 50 กรัม
น้ำซุป 1 ถ้วยตวง
เนื้อปูนึ่งสุก 100 กรัม
เนื้อหมูสับ 100 กรัม
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรสไก่ 1 ช้อนชา
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าหันเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
ผสมไข่ไก่ เนื้อปู เนื้อหมู ดอกขจร เครื่องปรุงรสทั้งหมด และน้ำซุป เข้าด้วยกัน
ใส่ภาชนะทนร้อน นำไปนึ่งในรังถึง เมื่อสุกแล้วยกลงโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว
และพริกชี้ฟ้า จัดเสิร์ฟขณะร้อนๆ


...
 .....ข้าวต้มดอกขจร  

เครื่องปรุง
ข้าวสวยกล้องหอมมะลิ ½ ถ้วย
ดอกขจร ½ ถ้วย
กระดูกสันหลังหมูติดเนื้อ 200 กรัม

วิธีทำ 
ต้มกระดูกสันหลังในน้ำจนเปื่อย แกะเนื้อออกไว้ต่างหาก
เอาน้ำต้มกระดูกหมูต้มให้เดือด ใส่ข้าวต้มจนข้าวสุก แล้วใส่ดอกขจร
ต้มจนดอกขจรเปื่อย ใส่เนื้อหมู ปรุงรสด้วยเกลือจะดีกว่าใช้น้ำปลาเพราะจะทำให้คาว
ดอกไม้กินได้ของไทย    
แบ่งออกเป็น
 

 
ดอกของพืชผัก : เช่น กะหล่ำดอก กะหล่ำดอกอิตาเลี่ยน (บร๊อคโคลี่) ดอกแคบ้าน
                     ดอกกุยช่าย ดอกเก๊กฮวย ดอกผักกวางตุ้ง ดอกฟักทอง ดอกบวบหอม
                     ดอกกระถิน ดอกหอม ดอกข่า ฯลฯ   
       
 ...
เฟื่องฟ้า

พวงชมพู
ดอกของไม้ประดับ : เช่น ดอกเข็ม ดอกพวงชมพู ดอกเล็บมือนาง ดอกลั่นทม
                     ดอกดาวเรือง ดอกดาวกระจาย ดอกกุหลาบ ดอกแคฝรั่ง
                     ดอกชบา ดอกซ่อนกลิ่น ดอกเฟื่องฟ้า ฯลฯ  
  
          

 ...
ดอกมะขาม
...
ช่อมะม่วง
...
ดอกชมพู่สาแหรก
ดอกของไม้ผล : เช่น ดอกทุเรียน ดอกชมพู่สาแหรก ดอกมะขาม
                     ดอกกล้วย (หัวปลี) ช่อมะม่วง ดอกมะละกอ ฯลฯ    

             

 ...
ดอกงิ้ว

ดอกขี้เหล็ก
ดอกของต้นไม้ป่าบางชนิด : เช่น ดอกพะยอม ดอกงิ้ว ดอกแคป่า
                     ดอกแคขน ช่อสะเดา ช่อมะกอก ดอกขี้เหล็ก
                     ดอกกระโดน ดอกลำพู ดอกกุ่มน้ำ ดอกแต้ว ฯลฯ    

             
 ...
ดอกผักปลัง
 ...
ดอกชุมเห็ดเทศ]
ดอกของวัชพืชบางชนิด : เช่น ดอกกะลาหรือดอกดาหลา ดอกบัวสาย
                     ดอกสลิดหรือดอกขจร ดอกข้าวสาร ดอกผักปลัง
                     ดอกผักตบไทย ดอกผักตบชวา ดอกกะแท่ง ดอกบุก
                     ดอกชุมเห็ดเทศ ดอกกระพังโหม ดอกกระทือ ดอกครั่ง
                     ดอกกระเจียว ดอกโสน ดอกบอน ฯลฯ 
           

 ...
ปลีตาล
 ...
ดอกมะรุม
ดอกของต้นไม้อื่นๆ : เช่น ดอกนุ่น ปลีตาล จั่นจาก(ดอกจาก) ดอกมะรุม ดอกโศก เป็นต้น

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพแห่งชาติ หรือ สสส.
ขณะนี้ รับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานโครงการอาหารโภชนาการ
สนับสนุนให้มีการปลูกผักปลอดสารพิษทั้งพืชผักและไม้ดอก
และได้เริ่มดำเนินการนำร่องโครงการปลูกดอกไม้กินได้ขึ้น
ที่ดอยแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ 

และใช้จุดนี้เป็นแปลงทดลอง ติดตามผล ใช้ระยะเวลารวม 1 ปี
ก่อนที่จะสรุปผลและขยายพื้นที่ปลูกไปยังจุดอื่น ๆ ทั่วประเทศในระยะยาวต่อไป


ดอยแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ 

ดอกไม้ที่มาปลูกในพื้นที่แปลงทดลองที่ดอยแม่วางครั้งนี้
มีทั้งดอกกุหลาบ ดาวเรือง ซ่อนกลิ่น
ดอกที่มีสรรพคุณทางยาและดอกที่มนุษย์สามารถบริโภค
หรือนำมาแปรรูปเป็นอาหารชนิดอื่นได้
เพราะที่ผ่านมาคนไทยเองก็นำดอกจากพืชหลายชนิดมาปรุงเป็นอาหารกันบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นดอกขจรที่ใช้ใส่ใขเจียว
ดอกโสน นำมาผัดไส่ไข่
ดอกแคใช้แกงส้ม ฯ

แต่ยังไม่ทราบว่าในแท้ที่จริงแล้วมีอีกหลายชนิด
ที่สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น การยำ ต้มจืด หรือการทอดกรอบ

ส่วนสรรพคุณเบื้องต้นยกตัวอย่างเช่น 

ดอกที่ให้สีม่วงแดง มีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็ง
เส้นใยช่วยในการขับถ่ายไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูก

ดอกลีลาวดีหรือดอกจำปาลาว นำมาชุบแป้งทอดสรรพคุณช่วยขับลม
ขับปัสสาวะ แก้อาการอ่อนเพลีย

ดอกดาวเรืองช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาเจ็บ ไอ คางทูม
ทาแผล แก้อาการหลอดลมอักเสบ
ยังสามารถนำสกัดเป็นนำมันหอมระเหยเพื่อช่วยในการบำรุงหัวใจ
แก้อาการวิงเวียน

ในขณะที่ชบา ดาหลา สรรพคุณแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ

กุหลาบและดอกบัว มีน้ำมันหอมระเหยช่วยในการบำรุงหัวใจเช่นกัน
ช่วยเจริญอาหาร

ดอกลิลลี่ช่วยคลายเครียด ฯ
 ...กุหลาบมอญ
ดอกไม้กินได้ มีสรรพคุณเป็นยาขนานเอกกลีบดอกช่วยบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย และช่วยระบาย

สิ่งที่ควรระวัง คือ หลีกเลี่ยงกุหลาบที่ไม่ได้ปลูกเอง
เพราะอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตราย ตกค้างอยู่

ดอกกุหลาบ ตามธรรมชาติแล้วจะมีรสฝาด
เมื่อนำมาประกอบอาหารควรกลบรสฝาด
ด้วยมะนาวหรือเกลือ เพื่อให้หายเฝื่อน

...
...


เบญจมาศ
ดอกไม้กินได้ แก้สารพัดโรค
ทั้งแก้โรคตับ ไขข้ออักเสบ
ปวดหัว ป้องกันโรคผมหงอก



การใช้ดอกไม้ปรุงอาหารจะช่วยสร้างความแปลกใหม่ในมนูอาหาร
ช่วยส่งเสริมให้คนหันมาทานผักกันมากขึ้น
อาหารน่าทานจากสีสันของดอกไม้และยังช่วยให้ เกษตรกรมีรายได้
จากการปลูกไม้ดอกจำหน่าย นอกจากจะสร้างความสวยงามให้กับพื้นที่
ที่สำคัญดอกไม้เหล่านี้มีสรรพคุณทางยา มีคุณค่าทางโภชนาการ รักษาสิ่งแวดล้อม

 ...

ดอกซ่อนกลิ่น
ซึ่งน้ำมันหอมระเหยมีลักษณะกลิ่นหอมหวาน
ช่วยเพิ่มพลัง กระปรี้กระเปร่า และทำให้จิตใจสงบ
ในแต่ละปีผลิตได้จำนวนน้อยมาก
เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีราคาสูง
นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำหอม

ดอกของมันยังรับประทานมีประโยชน์
ให้สารต้านมะเร็งสูง มีกลิ่นหอม บำรุงหัวใจ 

ดร.ธนชัย พันธุ์เกษมสุข หัวหน้าโครงการเกษตรปลอดสารพิษดอยแม่วางกล่าวว่า
หากประชาชนกลัวการนำดอกไม้มาปรุงเป็นอาหารเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน
จุดหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นใจก็คือเลือกดอกไม้ที่สัตว์กินได้ ก็จะปลอดภัย
และหากว่าเลือกดอกไม้ที่ปลอดสารพิษก็จะยิ่งช่วยสร้างความมั่นใจได้เพิ่มมากขึ้น

โครงการนี้ได้เริ่มนำร่องที่ดอยแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่
และยังใช้เป็นแปลงศึกษาดูงานของเกษตรกรและผู้ที่สนใจ
ในอนาคตยังตั้งเป้าที่จะให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์
ผู้ที่มาพักนอกจากจะได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ชมความสวยงามของไม้ดอกไม้ประดับแล้ว
ยังจะได้ลิ้มลองเมนูที่ปรุงมาจากดอกไม้ด้วย

ดอกโสน

ขนมนี้รูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆ ขนมกล้วย ใช้ดอกโสนหอมๆ สีเหลืองเหมือนทอง แทนกล้วย
ดอกโสน ทางยาไทยบอกว่า มีรสจืดเย็น สรรพคุณแก้พิษร้อน ถอนพิษไข้
เมื่อแยกธาตุพบว่า ดอกโสน 100 กรัม ให้แคลเซียม 51 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัสบำรุงกระดูกบำรุงสมอง 56 มิลลิกรัม
มีแร่เหล็กบำรุงเลือดฝาด 8.2 มิลลิกรัม แถมยังให้วิตามินเอไว้ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บอีก 3338 IU.
แล้วยังมีวิตามินบีหนึ่ง บีสอง ไนอะซิน และวิตามินซี อีกพอสมควร
นับว่าเป็นดอกไม้พืชพื้นบ้านที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายอย่างมาก 



ขนมดอกโสน

ส่วนผสม
ดอกโสน 1 1/2 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปีบ 3/4 ถ้วย
หัวกะทิ 3/4 ถ้วย น้ำ 1/2 ถ้วย
มะพร้าวทึนทึกขูด 3/4 ถ้วย ใบตองสำหรับห่อขนม
ซึ้ง นึ่ง อาหาร
ไม้กลัด และใบมะพร้าวหรือทางมะพร้าวไว้ทำเตี่ยวขนม
หรือจะทำใส่ถาดแล้วตัดแบ่งให้เป็นรูปร่างต่างๆ ก็ได้



วิธีทำ
1. เก็บดอกโสน แล้วนำมารูดออกจากกัน แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วทิ้งให้สะเด็ดน้ำ
2. นำข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลปีบ ผสมกัน แล้วค่อยๆ ใส่หัวกะทินวดทีละน้อย จนน้ำตาลละลาย
    จากนั้นจึงใส่กะทิที่เหลือและน้ำ ใส่ดอกโสนเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ใบตองที่เตรียมไว้ห่อละ 2 ช้อนโต๊ะ
3. นำดอกโสนที่คลุกเคล้าเสร็จแล้วใส่ลงในซึ้ง แล้วนำไปตั้งบนเตาไฟ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
4. ระหว่างที่รอดอกโสนสุก ให้ขูดมะพร้าวเป็นเส้นๆ ใส่ไว้ในถาด
5. เมื่อดอกโสนสุกแล้วก็ยกลงจากเตา แล้วตักดอกโสนใส่จาน พร้อมกับโรยหน้าด้วยมะพร้าว
    และน้ำตาลทราย ตามใจชอบ ก็เป็นอันว่าเสร็จสมบูรณ์




ขนมดอกโสน คลุกแป้งข้าวเจ้าขณะใส่ซึ้ง เพื่อนึ่งให้สุก



ขนมดอกโสนที่นึ่งสุก โรยมะพร้าวคลุกน้ำตาลทราย 

เจอภาพและวิธีทำ ดอกแคผัดหมูกรอบ
ในนิตยสาร กูรเมท์ แอนด์ ควีซีน
จึงแอบหยิบมาฝากเพื่อนๆชาวอรุณสวัสดิ์


 ...
(ภาพจาก internet)
ดอกแคเป็นดอกไม้ที่กินแล้วสบายใจ
เพราะปลูกง่าย พบเห็นใกล้บ้านทั่วไป
จึงมั่นใจได้ว่าไม่ผ่านการฉีดยาฆ่าแมลง
มีรสขมนิดๆ เข้าตำรา "หวานเป็นลม ขมเป็นยา"


ดอกแค 100 กรัม หรือ 1 ขีด
ให้พลังงานต่อร่างกาย 10 กิโลแคลอรี
มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส
เหล็ก แคโรทีน วิตามินเอ
วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง และวิตามินซี
การรับประทานดอกแคจะทำให้ร่างกายได้เส้นใยอาหาร
สรรพคุณทางยาของแคคือช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้

ฤดูหนาวนี้เราเป็นหวัดเป็นไข้กันง่าย
ดอกแคจึงน่าสนใจที่นำมาเป็นเมนูในบ้าน






ดอกแคผัดหมูกรอบ

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)

- ดอกแค ประมาณ 4 ถ้วย ใช้มีดกรีดสันดอก เปิดเป็นช่องเพื่อเด็ดเกสรทิ้ง
- พริกขี้หนูแดงบุบพอแตก 5-6 เม็ด
- หมูกรอบหั่นเป็นชิ้น 1/2 ถ้วย
- น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วจีน 1/2 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- น้ำสะอาด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย


วิธีทำ

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช เปิดไฟแรงๆ
รอจนน้ำมันร้อนจัดแล้วใส่หมูกรอบและกระเทียมลงไปผัดพร้อมๆกัน
เมื่อกระเทียมส่งกลิ่นหอมก็ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป (ยกเว้นน้ำ)

ผัดพอมีกลิ่นหอม เติมน้ำ ผัดให้เข้ากันดี
ตักใส่จาน กินกับข้าวร้อนๆ หรือกินเล่น ก็อร่อยดี

ผัดแบบนี้ต้องใช้ไฟแรงและผัดเร็วๆ จึงจะอร่อย
คำว่าผัดเร็วๆ นี้ หมายถึงใช้เวลาไม่นาน
แต่อย่าใช้ตะหลิวคนเสียจนผักช้ำ
ทิ้งจังหวะให้ผักได้รับความร้อน จึงค่อยกลับด้าน

วิธีนี้จะทำให้ผักสุกเสมอกันอย่างรวดเร็ว

ที่มาhttp://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=6748.0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น